กลิ่นตัวเด็ก การเปลี่ยนแปลงของร่างกายที่เริ่มต้นเมื่อต่อมหมวกไตทำงานมากขึ้น การขับเหงื่อจะเพิ่มขึ้นในเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงที่มีขนดก โดยเฉพาะบริเวณใต้วงแขนและขาหนีบ เนื่องจากต่อมอะโพไครน์เจริญเติบโตภายใต้การกระตุ้นของฮอร์โมน การเพิ่มขึ้นของการทำงานของฮอร์โมนเป็นสาเหตุที่ทำให้เหงื่อเกิดกลิ่น หากเด็กผู้หญิงวัยนี้มีเหงื่อออกเหม็น แต่ไม่มีอาการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องก็คงไม่มีเหตุผลที่จะต้องกังวล แต่ถึงกระนั้นผู้เชี่ยวชาญก็แนะนำให้พ่อแม่พูดถึงเรื่องกลิ่นตัวเด็กกับแพทย์ในระหว่างการตรวจสุขภาพเป็นประจำ

กลิ่นตัวเด็ก มาจากเหงื่อ

กลิ่นตัวเด็กที่เกิดขึ้นเพราะร่างกายของเรามีต่อมเหงื่อ 2 ชนิด

1. ต่อม Eccrine กระจายไปทั่วร่างกาย และช่วยทำให้เราเย็นลงเมื่อเราร้อนเกินไปเนื่องจากอากาศ เป็นไข้ ออกแรงมาก หรือทานอาหารรสจัด เหงื่อซึ่งส่วนใหญ่เป็นส่วนผสมของน้ำและเกลือจะทำให้ร่างกายเย็นลงเมื่อมันระเหยไป

2. ต่อม Apocrine อยู่ใต้แขนและที่ขาหนีบ และผลิตน้ำมันเช่นเดียวกับเหงื่อ หลังจากเริ่มเข้าสู่วัยแรกรุ่น นอกจากนี้ยังทำให้เหงื่อออกเมื่อเราร้อนและเมื่อเราเครียดอีกด้วย

ไม่มีวิธีใดในการป้องกันกลิ่นตัวเด็กที่เกี่ยวข้องกับภาวะต่อมหมวกไตในระยะเริ่มต้นนอกจากการมีสุขอนามัยที่ดี เด็กในวัยนี้อาจเสี่ยงต่อการถูกแกล้งได้ ดังนั้นจึงต้องช่วยพวกเขาป้องกัน การอาบน้ำเป็นประจำถือเป็นกุญแจสำคัญในการป้องกัน รวมถึงการขัดผิวใต้วงแขนอย่างละเอียด เด็กวัยนี้อาจไม่ต้องการให้พ่อแม่อาบน้ำอีกต่อไป แต่อาจต้องการกำลังใจในการทำมันอย่างละเอียดถี่ถ้วน ไยขัดผิวไนลอนพร้อมกับสบู่เหลวจะใช้งานได้ง่ายกว่าผ้าเช็ดหน้าและสบู่ก้อน

สาเหตุของกลิ่นตัวเด็ก

กลิ่นตัวเด็กสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ ดังนี้

  • อาบน้ำไม่สะอาดเท่าที่ควร

โดยเฉพาะเด็กที่อาบน้ำเอง อาจชำระล้างร่างกายหรือคราบไขมันที่อยู่ตามซอกและข้อพับต่างๆ บนผิวหนังได้ไม่สะอาดเท่าที่ควร ส่งผลให้เกิดการสะสมของแบคทีเรีย

  • ชอบทานอาหารทอดและมัน

หากทานอาหารเหล่านี้เป็นประจำ อาหารเหล่านี้จะไปกระตุ้นการทำงานของต่อมเหงื่อได้ดี ส่งผลให้ยิ่งมีเหงื่อออกมาก ซึ่งนอกจากจจะมีกลิ่นตัวเด็กแรงแล้ว ยังทำให้ลูกมีน้ำหนักมากอีกด้วย

  • เป็นหนุ่มสาวก่อนวัย

โดยปกติแล้วเด็กผู้หญิงจะเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นตั้งแต่อายุ 10 ปี เด็กผู้ชายจะอยู่ในช่วงอายุ 12 ปี ซึ่งช่วงนี้เอง ฮอร์โมนในร่างกายจะมีการเปลี่ยนแปลงจึงทำให้เกิดกลิ่นตัวเด็กที่แรงกว่าปกติ

  • ทานอาหารรสจัด

อาหารรสจัด หมายถึง เค็มจัด หวานจัด รวมไปถึงเผ็ดจัด ก็ทำให้กลิ่นตัวเด็กแรงได้ เนื่องจากอาหารเหล่านี้จะไปกระตุ้นการทำงานของต่อมเหงื่อ ที่สำคัญ อาหารรสจัดบางประเภทมีเครื่องเทศกลิ่นแรงก็ส่งผลให้กลิ่นนั้นออกมาตามรูขุมขนได้

  • มีน้ำหนักเกินเกณฑ์

ด้วยน้ำหนักที่มากเกินเกณฑ์ก็ส่งผลให้เกิดกลิ่นตัวแรงได้ โดยเฉพาะในส่วนที่เป็นข้อพับต่างๆ เหงื่อหรือสิ่งสกปรกต่างๆ จะหมักหมมในบริเวณนั้น ยิ่งทำให้เมื่อเวลาที่มีเหงื่อออกมากๆ ก็จะส่งกลิ่นตัวที่แรงกว่าผู้ที่น้ำหนักตามเกณฑ์

  • โรคกลิ่นตัว (Trimethylaminuria)

เป็นโรคทางพันธุกรรมชนิดหนึ่งที่เกิดจากการผลิตที่ผิดปกติของเอนไซม์ Flavin, trimethylaminuria โดยร่างกายไม่สามารถทำลายสารเคมีดังกล่าวได้ ส่งผลให้ปัสสาวะ ลมหายใจและเหงื่อมีกลิ่นเหม็นคล้ายปลาเน่า

เทคนิคกำจัดกลิ่นตัวเด็ก

  • อาบน้ำให้สะอาด

ข้อนี้เป็นสิ่งที่สำคัญมาก ในขณะที่อาบน้ำพยายามค่อยๆ อาบและขัดถูตามส่วนต่างๆ ของร่างกายให้ทั่วถึง รวมไปถึงในขณะที่ล้างสบู่ออกนั้น พยายามไล่ถูตามตัวให้ทั่ว ไม่ต้องรีบ ใช้เวลานานสักหน่อย แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นในการลดกลิ่นตัวและลดการสะสมของแบคทีเรียได้ดี

  • ใช้ผลิตภัณฑ์ช่วยขจัดกลิ่นตัวเด็ก

การมีตัวช่วยจะทำให้เรารู้สึกอุ่นใจและมั่นใจขึ้น แต่การเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ขจัดกลิ่นตัวเด็กนั้น ไม่ควรเลือกที่เฉพาะมีกลิ่นหอมอย่างเดียว แต่ควรพิจารณาเลือกผลิตภัณฑ์ที่ระบุว่า “ช่วยระงับกลิ่นกาย” ด้วย เท่านี้ก็จะช่วยลดปัญหาการเกิดกลิ่นได้ แต่ไม่ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เพราะจะทำให้บริเวณวงแขนของเสื้อเป็นคราบสีเหลืองได้

  • เลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มบางชนิด

อาหารที่ควรเลี่ยงในลำดับต้นๆ เลยก็คือ อาหารที่มีรสจัด โดยเฉพาะกลุ่มของเครื่องเทศ หรือเลี่ยงผักที่มีกลิ่นฉุน อาทิ กระเทียม หรือหัวหอม เป็นต้น

  • เช็ดตัวให้แห้ง

หลังอาบน้ำก็ไม่ควรละเลยในเรื่องของการเช็ดตัวบางคนแค่ถูๆ ไถๆ ไป บางส่วนแห้ง บางส่วนยังเปียกอยู่ หมั่นเช็ดตามข้อพับ หรือรอยพับในส่วนต่างๆ ของร่างกายทุกครั้ง เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่มีความชื้นอยู่ซึ่งเป็นต้นเหตุของความอับชื้น และทำให้เกิดกลิ่นตัวเด็กได้

  • ซักผ้าเช็ดตัวเป็นประจำ

ผ้าเช็ดตัวก็มีความชื้น แม้ว่าหลังใช้งานแล้ว เราจะมีการผึ่งไว้ทุกครั้ง แต่อย่าลืมว่าผ้าเช็ดตัวเป็นผ้าที่มีความชื้นอยู่ เชื้อโรคและเชื้อแบคทีเรียต่างๆ ยังสามารถเติบโตได้ดีในผ้าเช็ดตัว แนะนำว่าควรซักทำความสะอาดในทุกสัปดาห์

  • เลี่ยงอากาศที่ร้อนจัด

เพราะอากาศที่ร้อนจัดเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดเหงื่อ พยายามเลี่ยงไม่ควรโดนแดดจัดๆ แต่ถ้าหากว่าเราเลี่ยงไม่ได้จริงในชีวิตประจำวันก็ให้เน้นเรื่องการอาบน้ำ ทำความสะอาดร่างกาย และเช็ดตัวให้แห้งทุกครั้ง จากที่แนะนำไปข้างต้นได้

กลิ่นตัวเด็ก

การป้องกันการเกิดกลิ่นตัวเด็ก

  • ในกรณีที่เป็นเหงื่อออกมากอาจมีการใช้ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายสำหรับเด็ก ซึ่งป้องกันไม่ให้เหงื่อออกมากเกินไปและหยุดการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย
  • กลิ่นตัวเด็กที่เกิดจาก trimethylaminuria อาจถูกแก้ไขได้โดยการเปลี่ยนอาหาร หลีกเลี่ยงอาหารบางชนิด ในบางรายอาจต้องใช้ยายาปฏิชีวนะเพื่อป้องกันการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ยาระบายเพื่อลดปริมาณของ trimethylamine ในลำไส้
  • สอนสุขอนามัยขั้นพื้นฐานสำหรับเด็ก การรักษาสุขอนามัยส่วนบุคคลที่ดี อาบน้ำ สระผมให้สะอาด รวมถึงการสวมใส่เสื้อผ้าสะอาดซักแห้งแล้วไม่ควรใส่เสื้อผ้าซ้ำ สามารถลดการเกิดกลิ่นได้
  • ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเด็กสวมรองเท้าที่สะอาดและแห้งเพราะรองเท้าเปียกอาจทำให้ติดเชื้อได้
  • ดื่มน้ำสะอาดในระหว่างวันมากๆ
  • หลีกเลี่ยงอาหารที่อาจทำให้เกิดกลิ่นตัว เช่น เครื่องเทศกลิ่นฉุน เป็นต้น

ทำอย่างไรเมื่อมีกลิ่นตัวเด็ก

พ่อแม่หลายคนอาจจะรู้สึกไม่สบายใจเมื่อพบว่า “ลูกมีกลิ่นตัว” ความจริงแล้วสำหรับเด็กส่วนใหญ่ การมีกลิ่นตัวเด็กเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการเริ่มเข้าสู่วัยแรกรุ่น ซึ่งสามารถช่วยลูกจัดการกลิ่นตัวด้วยเคล็ดลับที่เป็นประโยชน์เหล่านี้

เด็กแปดขวบที่รักแร้เริ่มมีกลิ่นเหม็น ? เขายังเป็นเด็กน้อยอยู่เลยไม่ใช่เหรอ ?

การที่มีกลิ่นตัวเด็กสำหรับเด็กส่วนใหญ่ เหงื่อที่ส่งกลิ่นเหม็นเป็นสัญญาณเริ่มต้นที่บ่งบอกว่าวัยแรกรุ่นเริ่มขึ้นแล้ว การเริ่มมีอาการของวัยแรกรุ่นเกิดขึ้นก่อนหน้านี้สำหรับเด็กผู้หญิงหลายคน ถือว่าอยู่ในช่วงปกติที่เด็กผู้หญิงจะเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างเมื่ออายุ 8 ขวบ สำหรับเด็กผู้ชายอายุประมาณ 9 ขวบ ถ้าเราเห็นการเปลี่ยนแปลงในวัยแรกรุ่นของเด็กหญิงอายุ 7 ขวบ ส่วนใหญ่จะเป็นการเปลี่ยนแปลงตามปกติของพัฒนาการ ในทางกลับกัน เด็กผู้ชายควรได้รับการประเมินโดยแพทย์สำหรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นก่อนอายุ 9 ขวบ

  • แนะนำลูกเกี่ยวผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายและผลิตภัณฑ์ระงับเหงื่อ

สำหรับเด็กบางคน การอาบน้ำอาจไม่เพียงพอที่จะป้องกันกลิ่นตัวเด็กได้ตลอดทั้งวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาออกกำลังกาย ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายหรือผลิตภัณฑ์ระงับเหงื่อ ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายทำงานโดยการปกปิดกลิ่นของเหงื่อ ในขณะที่ผลิตภัณฑ์ระงับเหงื่อช่วยยับยั้งหรือลดปริมาณเหงื่อที่ผลิตได้

ไม่มีข้อกังวลเรื่องกลิ่นตัวเด็กสำหรับคนที่ใช้ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายหรือผลิตภัณฑ์ระงับเหงื่อ มีผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติหลายชนิดที่ไม่มีกลิ่นในท้องตลาด รวมถึงสารส้มระงับกลิ่นกาย และผลิตภัณฑ์ที่ทำจากเบกกิ้งโซดา ร้านค้าเพื่อสุขภาพเป็นสถานที่ที่ดีในการมองหาสิ่งเหล่านี้

สำหรับเด็กที่มีเหงื่อออกมาก ควรทำความสะอาดชุดชั้นในและเสื้อยืดทุกวัน ผ้าฝ้ายหรือเส้นใยธรรมชาติอื่นๆ จะดูดซับเหงื่อได้ง่ายกว่าแต่ถ้าหากมาตรการรักษาความสะอาดยัง “เอาไม่อยู่” ก็อาจจำเป็นต้องยกระดับวิธีจัดการขึ้นไป ด้วยการใช้ “ตัวช่วย” อย่างเช่นผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายทั้งหลาย ซึ่งผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะมีทั้งผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นเหงื่อ (Deodorant) ที่ทำหน้าที่ระงับกลิ่นเหงื่อโดยการกลบกลิ่น และผลิตภัณฑ์ลดการขับเหงื่อ (Antiperspirant) จะหยุดการขับเหงื่อหรือทำให้เหงื่อแห้ง จึงทำให้กลิ่นกายลดลง

อย่างไรก็ตาม ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ไม่ได้ออกแบบมาสำหรับเด็ก และในขณะเดียวกันก็ไม่มีคำแนะนำอย่างเฉพาะเจาะจง ถึงวัยของเด็กที่สามารถเริ่มใช้ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายได้ ผู้เชี่ยวชาญจึงแนะนำว่าให้ดูที่ปัญหากลิ่นกายเป็นหลัก หากเด็กมีกลิ่นกายซึ่งไม่สามารถป้องกันหรือแก้ไขได้ด้วยการรักษาความสะอาดทั่วๆ ไป ก็สามารถเริ่มใช้ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายได้  แต่สำหรับเด็กหรือวัยรุ่นที่กลิ่นกายไม่เป็นปัญหาของพวกเขา ก็ไม่จำเป็นต้องใช้

สำหรับสิ่งที่หลายคนอาจเป็นกังวลเกี่ยวกับการใช้ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ในกลุ่มที่ลดการขับเหงื่อ ก็คือส่วนผสมของอลูมิเนียม (มักอยู่ในชื่อ aluminum chloride หรือ aluminum zirconium บนฉลากผลิตภัณฑ์) ในผลิตภัณฑ์ชนิดนี้ ซึ่งทำให้ต่อมเหงื่อหดตัวและหยุดการสร้างเหงื่อ รวมถึงส่วนผสมบางอย่างที่ใช้ในผลิตภัณฑ์ลดการขับเหงื่อ อย่างเช่นพาราเบน (paraben) และโพรพีลีนไกลคอล (propylene glycol) ที่มีงานวิจัยชี้ว่าอาจเพิ่มความเสี่ยงในปัญหาสุขภาพบางอย่าง อย่างไรก็ตาม การศึกษาวิจัยชิ้นอื่นก็ชี้ให้เห็นว่า ความเสี่ยงนั้นมีอยู่เล็กน้อยมากจากการทาสารเหล่านี้ลงบนผิวของเรา กระนั้นก็ตาม หากพ่อแม่ยังเป็นกังวล ก็อาจเลือกผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นหรือ Deodorant ชนิดที่อ่อนโยนให้ลูกใช้ หรือการใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติอย่างสารส้มหรือเบกกิ้งโซดา ก็ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง

  • ทำไมควรเลือกผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายสูตรธรรมชาติ 

การรับประทานอาหารที่ดีและดื่มน้ำให้เพียงพอสามารถลดกลิ่นได้ แต่บางครั้งเราก็ต้องการตัวช่วยที่มากกว่านั้น แน่นอนว่าผลิตภัณฑ์ระงับเหงื่อและระงับกลิ่นตัวเด็กแบบเดิมนั้นใช้ได้ผลดีมาก หากไม่รังเกียจที่จะใช้อลูมิเนียมและสารเติมแต่งอื่นๆ ที่รักแร้ของลูก

สำหรับคนที่มองหาตัวเลือกที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น อาจสังเกตเห็นว่าตัวเลือกนั้นค่อนข้างมีจำกัด การ DIY ขึ้นมาเองก็อาจเป็นทางออกที่ดี น่าเสียดายที่อาจต้องใช้เวลามากกว่าการเดินทางไปที่ร้าน แต่มันสามารถใช้ได้นานกว่าและสุขภาพก็จะดีขึ้นมาก

สูตรน้ำมันมะพร้าวระงับกลิ่นตัวเด็กแบบโฮมเมด

ส่วนผสม

  • เบคกิ้งโซดา ¼ ถ้วย
  • แป้งเท้ายายม่อม หรือ แป้งข้าวโพดออแกนิค ¼ ถ้วย
  • น้ำมันมะพร้าว 6 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมันหอมระเหยอย่างดี (เพื่อตกแต่งกลิ่นตามชอบ)

วิธีทำ

  1. ในชามขนาดกลาง ผสมเบกกิ้งโซดาและแป้งเท้ายายม่อมหรือแป้งข้าวโพดเข้าด้วยกัน
  2. ใช้ส้อมยีส่วนผสมแป้งลงในน้ำมันมะพร้าวจนเข้ากัน
  3. เติมน้ำมันหอมระเหยลงไปหากต้องการ
  4. เก็บในขวดแก้วขนาดเล็กหรือภาชนะของผลิตภัณฑ์ดับกลิ่นตัวเด็กอันเก่าเพื่อให้ใช้งานได้ง่าย

บางคนอาจเกิดผื่นจากเบคกิ้งโซดา ดังนั้น ให้ทดสอบกับผิวหนังบริเวณเล็กๆ ก่อน

 

กลิ่นตัวเด็กอาจขึ้นได้ในเด็กบางคน โดยเฉพาะเมื่อเด็กๆ กำลังจะก้าวเข้าสู่วัยรุ่น ซึ่งวิธีที่ได้แนะนำกันไปในข้างต้น สามารถช่วยลดกลิ่นตัวได้ อย่างไรแล้วลองนำไปปรับใช้กันดู และเงื่อนไขทางการแพทย์บางอย่างอาจทำให้เกิดกลิ่นที่ชัดเจนเป็นพิเศษ การเริ่มมีกลิ่นตัวหรือเหงื่อออกมากเกินไปอาจบ่งบอกถึงสภาวะทางการแพทย์ที่ซ่อนอยู่ หากสังเกตเห็นว่าลูกมีกลิ่นตัวก่อนอายุ 8 ขวบ หรือกลิ่นตัวมีกลิ่นมากผิดปกติ ให้รีบปรึกษาแพทย์

 

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจเกี่ยวกับเด็ก

ที่มาของบทความ

 

ติดตามอ่านเรื่องเกี่ยวกับเด็กได้ที่  virtual-protect.com
สนับสนุนโดย  ufabet369